ทริปนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมเลือกที่จะกลับมาเยือนเมือง 3หมอก หรือจังหวัด "แม่ฮ่องสอน" อีกครั้ง ด้วยความที่มีความหลงไหลในเสน่ห์ของสายหมอกที่คลอเคลียไปตามทิวเขาที่สลับซับซ้อน มาครั้งนี้เรามีเป้าหมายที่จะไปเยือนยอดเขาที่ไม่ได้ห่างจากตัว อ.เมืองแม่ฮ่องสอนมากนัก ซึ่งนั่นก็คือ "ดอยปุยหลวง" นั่นเอง แต่จะไปแค่ปุยหลวงมันก็คงจะไม่ถึงใจและก็ไม่คุ้มที่นั่งหลังขดหลังแข็งกันมารถตู้ตลอดทาง ดังนั้นจะให้สนุกมันก็ต้องเดินกันยาวๆ เราจึงวางแผนเลือกที่จะไปเดินป่าระยะไกล โดยเริ่มต้นจากบ้านห้วยฮี้ แล้วเดินไปตามเส้นทางปุยหลวง - สะเงาะ - เลโจ๊ะ และเดินลงกลับมาที่บ้านกะเหรี่ยงหัวน้ำ ใช้ระยะเวลาเดินเท้าทั้งสิ้น 4วัน 3คืน กับสมาชิกผู้ร่วมเดินทาง 11ชีวิต ที่สามารถล่อลวงมาได้
![](/f/34873/5f914583e781d22e3a2cf0db.jpg)
ก่อนอื่นขอพามาดูรายละเอียดค่าใช้จ่าย ณ วันนั้น และการเตรียมพร้อมกันก่อน สำหรับคนที่อยากไปเยือนเส้นทางเดินป่าระยะไกลเส้นนี้
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- ค่าคนนำ 800 บาท/คน/วัน
- ค่าลูกหาบ 600 บาท/คน/วัน
- ค่ารถ 4WD ไป-กลับ ราคาตามสภาพเส้นทาง ครั้งนี้เป็นปลายฝน ทางไม่ดีเลยตกคันละ 4,500 บาท
- ค่าบำรุงรักษาสถานที่ นทท คนละ 30บาท
- ค่าอาหาร ต้องเตรียมเพื่อลูกหาบและคนนำด้วย
- ค่ารถกรุงเทพ-แม่ฮ่องสอน ราคาแตกต่างตามวิธีการเดินทางแต่ละคน
การเตรียมพร้อม
- น้ำดื่มสำคัญมาก แคมป์ที่ยอดสะเงาะ กับยอดเลโจ๊ะ ไม่มีน้ำ ต้องเติมระหว่างทางให้เพียงพอ และใช้สอยอย่างประหยัด
- การแต่งกายรัดกุม ควรเป็นเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เพราะบางช่วงต้องเดินลุย หญ้าสูงและกิ่งไม้
- รองเท้า เอาดอกลึกๆไว้ก่อน รับประกันความลื่น คนแน่ๆยังพลาดลื่น ขาชี้ฟ้า
- ถุงมือ มีก็ดีไม่มีก็ได้ เอาไว้ใช้สำหรับตอนจับหญ้าหรือดึงเชือก ไม่เจ็บมือดี
- สัตว์มีพิษ มีตั้งแต่เห็บลม, แมลง ยันงูเขียวตัวเป้งๆ แต่ที่ควรระวังที่สุดคือ ต่อ ้เพราะที่นี่มีเยอะ ดุและหวงถิ่น เดินไม่ส่งเสียงดังมาก โดยต่อยจะไม่สนุกแน่นอน
- คนกลัวทาก พกถุงกันทากไป มีน้อย แต่ก็พอให้บริจาคเลือดกันบ้าง สำหรับคนที่ไม่ทันระวังตัว
- การขับถ่าย ที่ปุยหลวงพอมีห้องน้ำ แต่ที่เหลือห้องน้ำธรรมชาติล้วนๆ อย่าลืมติดพลั่วไปขุดกันด้วยนะ
- ที่พักบนยอดเลโจ๊ะ เหมาะสำหรับกางเต๊นท์ แต่มีพื้นที่จำกัด และเป็นเนินลาด กรณีคนไปเยอะ อาจต้องจัดสรรพื้นที่ให้ดี หรือนอนแคมป์กลาง
- ขาลงจากเลโจ๊ะชันมาก มีเชือกยาวๆ จะดีที่สุด ควรถามคนนำว่ามีเชือกให้เราไหม บางชุดไม่มีเชือกก็จะขึ้นลงยากหน่อย
การติดต่อคนนำ
ขอแนะนำ พี่รักชัย ดูแลดีมาก 080-794-1464 หรือจะคุยทางไลน์ก็ได้นะ แอดเบอร์แกไปก็ขึ้นแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------
หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามผมได้ที่
https://www.facebook.com/Backpacktime
และสำหรับคนที่อยากเห็นบรรยากาศฝากติดตามทาง Youtube ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/backpacktime
-------------------------------------------------------------------------------------
Day1 บ้านห้วยฮี้ - ปุยหลวง
เวลา 12.30 ปตท. แม่ฮ่องสอน ถูกใช้เป็นจุดนับพบคนนำทางหรือ "พี่รักชัย" เพื่อเปลี่ยนถ่ายสัมภาระจากรถตู้ที่เดินทางมาจาก กทม. ไปเป็น 4WD โดยครั้งนี้ผมได้ติดต่อรถ 4WD มา 2คัน ให้คันนึงให้ลูกหาบโดยสารไปกับบรรทุกสัมภาระ ส่วนอีกคันสำหรับพวกเรานั่งคุยกันไปจะได้ไม่เบียดกันมาก เพราะกว่ารถจะไปถึง "บ้านห้วยฮี้" ที่เป็นหมู่บ้านก่อนเริ่มเดินนั้น ก็ต้องนั่งรถกันไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ และเป็นทางโค้งขึ้นเขา
![](/f/34873/5f90ef0e41d6472e348eb7b8.jpg)
ก่อนถึงจุดเริ่มเดินเราจะต้องชำระค่าบำรุงรักษาสถานที่ที่หมู่บ้านเฉพาะนักท่องเที่ยวคนละ 30บาทก่อน ระหว่างนั้นเราก็เดินดูรอบๆ ก็เลยเห็นว่าที่บ้านห้วยฮี้เองก็มีโฮมสเตย์ให้พักด้วย ราคาหลักร้อยไม่แพง ใครมีเวลาหลายๆวัน หรือสนใจก็สามารถติดต่อมาพักลองบรรยากาศ Slow life แบบบ้านๆดูได้ แต่เนื่องจากพวกเรามีเวลาจำกัด จึงไม่สามารถดูรอบๆได้ทั่ว ต้องรีบมุ่งหน้าไปยังจุดเริ่มเดินต่อไป
![](/f/34873/5f90ef3241d6472e348eb7b9.jpg)
![](/f/34873/5f90ef4f41d6472e348eb7bb.jpg)
ที่จุดเริ่มเดินเราพบกับอีกทีมที่ขึ้นวันเดียวกัน ได้ยินมาว่าอาทิตย์นี้มีขึ้นทั้งหมด 3ทีม รวมๆนักท่องเที่ยวและลูกหาบแล้ว ก็ประมาณ 40ชีวิต ที่จะไปใช้ชีวิตบนดอยด้วยกัน และมารู้ทีหลังว่าพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่มาเปิดดอย หลังจากที่ปิดไปเนื่องจากโควิด
![](/f/34873/5f90efdc41d6472e348eb7be.jpg)
![](/f/34873/5f90ef7b41d6472e348eb7bd.jpg)
สำหรับวันแรกนั้นไม่ยากกับระยะทางเดินประมาณ 2โลกว่าๆ เดินไปคุยไปแบบไม่รีบร้อน ใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงจุดตั้งแคมป์ ที่จะมีบ้านพักเป็นเป็นศาลาหลังๆ ซึ่งเราไม่ได้ขึ้นไปกางบนยอดปุยหลวง จะต้องเดินต่ออีกหน่อยจากแคมป์ราวๆ 400-500เมตร เพื่อไปถึง "ยอดปุยหลวง"
![](/f/34873/5f90f08441d6472e348eb7c0.jpg)
![](/f/34873/5f90f0f541d6472e348eb7c1.jpg)
บนปุยหลวงจะลักษณะเขาจะเป็นลานกว้าง ให้เหล่าเทเลทับบี้อย่างเราๆสามารถวิ่งเล่นไปทั่ว แต่ที่จริงแล้ว เป็นลานกินหญ้าของวัวและควายที่ชาวบ้านปล่อยให้ออกมาหากิน ยิ่งตอนนั้นนั้นลุ้นมาก เพราะเสียงกระพรวนที่ห้อยไว้ที่คอของน้องนั้น ดังผ่านไปผ่านมาบนหัวนอนในเต๊นท์กันเลยทีเดียว ส่วนยอดบนสุดของปุยหลวงนั้นจะมีหมุดทางทหาร ใครมาแล้วมัวแต่เผลอดูวิวสวยๆรอบๆ แล้วไม่ยอมขึ้นมาจนเจอหมุด แปลว่ายังมาไม่ถึงปุยหลวงนะ ต้องกลับมาซ่อมด้วยล่ะ ซึ่งที่ยอดปุยหลวงสามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก แต่ถ้าให้แนะนำ ขอแนะนำพระอาทิตย์ขึ้น เพราะจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่า ไม่มีวิวเขาบัง
![](/f/34873/5f90f24f41d6472e348eb7c2.jpg)
![](/f/34873/5f90f2a641d6472e348eb7c3.jpg)
![](/f/34873/5f90f37241d6472e348eb7c4.jpg)
Day2 ปุยหลวง - สะเงาะ
เช้าวันที่2 เริ่มเช้าของวันด้วยการจิบกาแฟดริปเบาๆ ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบทุลักทุเล เพราะบนยอดดอยปุยลมค่อนข้างแรง และมาหลายทิศทาง คือถ้าเลือกชงกินกันที่แคมป์ก็เสร็จไปนานแล้ว แต่ใจมันรักก็ต้องยอมแบกกันขึ้นมา จนในที่สุดก็ได้กินกาแฟดริปสมใจอยาก ซึ่งตรงจุดนี้จะมีทางแยกสำหรับเดินไปยังยอดดอยหงอนไก่ สามารถมองเห็นได้อยู่ในระยะสายตา หากมีโอกาสจะกลับมาเยือนดอยหงอนไก่อีกครั้ง
![](/f/34873/5f90f3fa41d6472e348eb7c5.jpg)
![](/f/34873/5f90f48f41d6472e348eb7c6.jpg)
![](/f/34873/5f90f50341d6472e348eb7c7.jpg)
ประมาณ 09.00 หลังทานอาหารเก็บแคมป์เป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็เริ่มออกเดินกันอีกครั้ง ซึ่งวันนี้จะเป็นวันที่เดินไกลที่สุดในทริปนี้ เป็นเส้นทางขึ้นลงเลาะไปตามสันเขา มีวิวเปิดให้ถ่ายรูปตลอด แต่ก็ไม่ได้ง่ายตลอดเส้นทาง มีขึ้นและลงชันๆแทรกให้สนุกระหว่างทางเป็นระยะๆ โดยทีมพวกเราแยกออกเป็น 3กลุ่ม คือ
กลุ่มเดินเร็ว หรือที่เราเรียกพวกนี้ว่า "พวกวิ่งยา" 1กลุ่ม
กลุ่มสลอธ สายเดินช้าแบบขาสั่นพั่บๆ 1กลุ่ม
และผมที่เป็นกลุ่มตรงกลาง ที่พยายามเดินตามพวกวิ่งยาก็ไม่ทัน แต่จะย้อนกลับไปหากลุ่มสลอธก็เดินเลยมาไกลแล้ว เลยทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ควรแยกกลุ่มจากเพื่อนเป็นอันขาด!!! เพราะเส้นทางเดินที่นี่ไม่ชัด แกะรอยเท้าก็ยาก อาจเป็นเพราะพวกเราเป็นกลุ่มแรกๆที่เข้ามาของปีนี้ ก็เลยได้เพิ่มระยะทางเดินให้ตัวเองเหนื่อยเล่นๆ คนอื่นวัดระยะเดินได้ประมาณ 8-9โล ของผมวัดได้ 10โลกว่า เล่นเอาถึงแคมป์ก็ทิ้งตัวลงนอนไปพักนึง
![](/f/34873/5f90f64541d6472e348eb7c9.jpg)
![](/f/34873/5f90f7c141d6472e348eb7ce.jpg)
![](/f/34873/5f90fa20e781d22e3a2cf04e.jpg)
ต้องบอกเลยว่าวันนี้เดินไกลมากจริงๆ คิดว่าจะถึงแต่ก็ไม่ถึง ประมาณ "คิดแต่ไม่ถึง คิด คิด แต่ไม่ถึงเธอ" (โปรดใส่ทำนองระหว่างอ่านด้วย 555) แต่ยังดีตรงที่มีวิวสวยๆคอยปลอบประโลมใจให้ลืมเหนื่อยไปได้บ้าง
![](/f/34873/5f90f9dce781d22e3a2cf04d.jpg)
![](/f/34873/5f90fc47e781d22e3a2cf050.jpg)
![](/f/34873/5f90fdd2e781d22e3a2cf051.jpg)
ช่วงหลังๆผมเดินกับคุณลุงซิกะเป็นหลัก (ไม่แน่ใจว่าอ่านถูกไหม) คุณลุงเป็นชาวปกาเกอะญอที่ใจดีมาก พูดไม่เก่ง แต่แกชอบเก็บมะขามป้อมให้ผมกินระหว่างทาง แต่ทีเด็ดของแกก็คือชอบพาตัดไปทางลัด โดยบอกว่าทางนี้สั้นกว่า แต่ๆๆๆ ลุงครับ ที่ลุงพามานี่มันทางชันทั้งนั้นเลยนะ ลุงไม่ได้แกล้งกันใช่ไหม แต่ทำไงได้ ก็ได้แค่ก้มหน้าก้มตาเดินตามแกไป พร้อมกับเคี้ยวมะขามป้อมที่ได้รับใส่มาในมือ
![](/f/34873/5f90ff5ae781d22e3a2cf053.jpg)
![](/f/34873/5f910186e781d22e3a2cf05b.jpg)
ระหว่างทางก่อนไปแคมป์จะสามารถมองเห็น "ดอยสะเงาะ" และ "เลอเปอเฮอ" ที่จะเป็นหินรูปร่างแปลกๆ ซึ่งคำว่า "เลอปอเฮอ" นั้นเป็นภาษากะเหรี่ยง ที่แปลว่า "หม้อข้าวนึ่ง" ด้วยลักษณะของยอดหนึ่งของดอยสะเงาะ มีความคล้ายกับหม้อข้าวนึ่งของชาวบ้านนั่นเอง ซึ่งโดยปกติคนส่วนใหญ่จะนิยมไปนอนกันที่เลอปอเฮอ เนื่องจากมีแหล่งน้ำให้ตักใช้สะดวกกว่าไปแคมป์ที่ยอดดอยสะเงาะ และมีจุดชมวิวเลอเปอเฮอ ที่หินรูปร่างสวยงามให้ไปถ่ายรูปเล่นกัน แต่ในครั้งนี้พวกเราได้ปรึกษาและตัดสินใจที่จะไปนอนบนยอดดอยสะเงาะ เนื่องจากพี่รักชัยบอกว่าวันรุ่งขึ้นที่ไปยอดเลโจ๊ะจะได้เดินระยะทางสั้นลงและไปถึงไวขึ้น แถมแกยังบอกอีกว่ามีแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่จะขึ้นมานอนบนยอดนี้ แต่ก็ต้องแลกกับการแบกน้ำเต็มพิกัดบริเวณใกล้แคมป์เลอเปอเฮอ และเดินกันขึ้นไปต่ออีกประมาณ 2โล เพื่อเอาน้ำไปใช้บนยอดดอย
![](/f/34873/5f90ffb7e781d22e3a2cf057.jpg)
![](/f/34873/5f91025641d6472e348eb7d5.jpg)
![](/f/34873/5f9102c741d6472e348eb7d6.jpg)
บนยอดดอยสะเงาะ เราจะสามารถมองลงมาเห็นอีกกลุ่มที่พักที่แคมป์ เลอเปอเฮอ และสามารถเดินไปชมพระอาทิตย์ตกได้ นอกจากนี้ยังสามารถมองไปเห็น "ยอดเลโจ๊ะ" อันเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับวันถัดไปได้อีกด้วย แต่เราจะไม่สามารถเดินเลาะตามสันเขาจากสะเงาะไปได้ เนื่องจากระหว่าง ดอยสะเงาะ กับดอยเลโจ๊ะ เป็นหน้าผา ทำให้วันรุ่งขึ้นเราจะต้องเดินตัดลงหุบแล้วเดินขึ้นมาอีกครั้ง แค่ได้ยินแผนการเดิน ขาก็ร้าวขึ้นมาทันที 555
![](/f/34873/5f9103e641d6472e348eb7d8.jpg)
![](/f/34873/5f910495e781d22e3a2cf05e.jpg)
นั่นไงๆ เห็นไหมที่ชี้ไปนั่นละยอดเลโจ๊ะที่เราจะไปกัน
![](/f/34873/5f91034b41d6472e348eb7d7.jpg)
หลังจากชมพระอาทิตย์ตก ตอนดึกก็มานั่งชมดาวกันต่อ ครั้งนี้ถือว่าโชคดี พวกเราเจอทางช้างเผือกเชือกส่งท้ายปีพอดี เห็นด้วยตาเปล่าชัดมาก ฟ้าใสแบบไม่ได้เห็นมานาน ก่อนที่จะแยกย้ายไปพักผ่อนเตรียมแรงสำหรับวันรุ่งขึ้น
![](/f/34873/5f91058941d6472e348eb7da.jpg)
![](/f/34873/5f9104e2e781d22e3a2cf061.jpg)
Day3 สะเงาะ - เลโจ๊ะ
เช้าวันที่3 พวกเราตื่นขึ้้นมา จิบกาแฟเบาๆ เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่หน้าเต๊นท์ ไม่ต้องเสียแรงเดินไปไหนไกล ทะเลหมอกมีให้เห็นทุกวัน ถึงแม้จะเห็นอยู่ไกลๆก็ตาม
![](/f/34873/5f9106e4e781d22e3a2cf064.jpg)
![](/f/34873/5f91077441d6472e348eb7db.jpg)
![](/f/34873/5f9106aee781d22e3a2cf063.jpg)
สำหรับแผนการเดินทางวันนี้ นับว่าเป็นวัน highligh ในเรื่องของความชัน กับระยะทางเดินประมาณ 3โลกว่าๆ เพราะหลังจากที่เราทานข้าว เก็บแคมป์ เริ่มออกเดินทางราวๆ 9โมงเหมือนเคย พวกเราก็เริ่มเดินตัดลงหุบไล่ตาม พวกกลุ่มวิ่งยาอีกครั้ง ที่หลังออกตัวจากจุด start ไปแล้ว ก็ไม่ได้พบได้เจอกันอีกเลย และวันนี้ผมก็หลงอีกเหมือนเคย เพราะเดินตามรอยเท้าไปเรื่อยๆ อยู่ๆรอยเท้าก็หายไป ไอ้เราก็กลัวว่าจะไปไม่ถูกทางก็เลยเลือกที่ย้อนเส้นเดินตัวเองกลับมา พอเจอพี่ลูกหาบ แกก็พาเดินไปเส้นที่เราเดินไปแล้วนั่นแหละ 555 เพิ่มระยะเข้าไปอี้กกกกกก....
![](/f/34873/5f91083141d6472e348eb7dc.jpg)
เดินไปซักพักก็จะเจอน้ำตกและลำธารขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งเป็นจุดเติมน้ำสุดท้ายเพื่อขึ้นยอดดอยเลโจ๊ะ ซึ่งหลังจากนี้ล่ะ บอกเลยว่าของจริง!!! ชัน ชัน และก็ชัน ทางราบมีให้หยุดพักแบบนับจุดได้ และยิ่งสูงก็ยิ่งไม่มีร่มไม้ แดดล้วนๆ บั่นทอนกำลังกันแบบสุดๆ
![](/f/34873/5f91087ae781d22e3a2cf067.jpg)
แถมป่าไผ่แถวลำธารนี้ พวกเราเจองูเขียวตัวเบ้อเร่ออีกต่างหาก น้องในกลุ่มกำลังเดินขึ้นแล้วจะลื่น พวกข้างล่างก็ตะโกนว่า "อย่าลงมา อย่าลงมา งู งู" พอข้างบนได้ยินเสียงก็เตือนให้เบาๆ "ต่อ ต่อ อย่างส่งเสียงดัง" เพราะแหงนหน้าไปก็มีรังต่ออันเบ้อเร่ออยู่บนต้นไม้ น้องก็กลัวจนทำไรไม่ถูก พอผ่านจุดนั้นมาได้ก็เป็นเรื่องเล่าขำๆในวงแคมป์ตลอดค่ำคืนกันไป ส่วนรูปงูผมไม่ได้ถ่ายไว้เพราะเดินผ่านมาแล้ว เลยขอยืมรูปจากเพื่อนมา ว่าแล้วก็ฝากติดตามเพื่อนผมได้นะครับ ตาม link นี้เลย
https://www.facebook.com/LonGiiizStylez
![](/f/34873/5f913b9fe781d22e3a2cf0cf.jpg)
![](/f/34873/5f91096a41d6472e348eb7dd.jpg)
![](/f/34873/5f91098941d6472e348eb7de.jpg)
ก่อนถึงยอดดอยเลโจ๊ะ จะมีช่วงนึงที่ชันจนแหงนคอ เป็นทางขึ้นชันราวๆ 70-80องศา ระยะทางไม่ยาวมาก ถ้าดูจากรูปจะเห็นคนตัวเล็กๆที่ยืนรออยู่ข้างบน ก็คือพี่รักชัย ที่มาคอยยืนให้กำลังใจคนที่เหลือ มองในรูปอาจไม่ชัน แต่ตอนขึ้นจริงนี่สิ อื้อหือ ไม่มีคำบรรยาย โดยจุดที่ยาก ก็คือดินเป็นดินซุยๆ ไม่แน่น เหยียบแล้ว ไถลลงมากองที่เดิม แถมรวมๆกับที่กลุ่มที่เดินนำมาก่อนหน้ามาทำทางเอาไว้ให้เสร็จ เรียบกริ๊บเหมือนเอาแทรกเตอร์มาปาด หาจุดเหยียบก็ไม่มี หญ้าพวกก็ดึงให้หมด เราก็ต้องหาตะเกียกตะกายกันขึ้นไป เพื่อนที่เดินมาข้างหลังตะโกนตามมว่าผมขึ้นไม่ได้ ช่วยด้วย!!! พี่รักชัยจึงตัดสินใจที่จะขึงเชือกให้กลุ่มพวกเราที่เดินมาข้างหลังได้ใช้กัน
![](/f/34873/5f9109ba41d6472e348eb7df.jpg)
![](/f/34873/5f910b3b41d6472e348eb7e0.jpg)
ส่วนพื้นที่บนยอดมีพื้นที่กางเต๊นท์ไม่มากนัก และมีต้นไม้ใหญ่น้อย ทำให้ไม่เหมาะกับการนอนเปล มาถึงก็นั่งหลบแดดรอแสงเย็น เพื่อออกไปถ่ายภาพความประทับใจว่าเรามาที่นี่ทำไม แต่ถ้าถามว่าวิวเขาวันไหนสวยที่สุด ผมก็คงต้องตอบว่าวันนี้เป็นวิวเขาที่สวยที่สุดในทริปนี้ แต่คุ้มกับแรงที่เสียไปไหม อันนี้ให้ถือว่าเป็นเรื่องแล้วแต่คนละกัน
![](/f/34873/5f910e6f41d6472e348eb7e6.jpg)
![](/f/34873/5f910ed4e781d22e3a2cf06d.jpg)
จุดเด่นของเลโจ๊ะ ก็คือเราจะสามารถมองเห็นวิวทิวเขาตลอดเส้นทางที่เราผจญภัยฝ่าฟันกันมาตั้งแต่ ปุยหลวง เลอเปอเฮอ สะเงาะ จนกระทั่งมาถึงเลโจ๊ะที่นี่ จริงๆรูปมุมนี้อยากให้เป็นรูปกลุ่มตัวเอง แต่ทีมงานไม่ค่อยมีใครอยากเดินลงไปถ่ายหมู่ด้วยกันเพราะมันชัน ก็เลยได้มาเท่าที่ได้
![](/f/34873/5f912ecbe781d22e3a2cf0a0.jpg)
![](/f/34873/5f91395941d6472e348eb807.jpg)
![](/f/34873/5f913de741d6472e348eb80b.jpg)
ส่วนถ้าถามว่าชันแค่ไหนดูรูปแล้วถามใจเธอดู สร้างภาพกันสุดๆ ขอบคุณตาแอ่นแอ้นท์ที่ถ่ายภาพนี้ให้ ในทริปๆนึงมีภาพที่แสดงว่าเราได้มาถึงที่นี่ก็เพียงพอแล้ว
![](/f/34873/5f913dcf41d6472e348eb80a.jpg)
Day4 เลโจ๊ะ - บ้านต้นน้ำ
วันสุดท้าย พวกเราตื่นขึ้นมาดูทะเลหมอกและจิบกาแฟกันเหมือนเคย ถึงแม้น้ำเราจะน้อย แต่เข้าป่า "ไก่ต้องมี กาแฟต้องไม่ขาด" นักปิ้งไก่ในตำนานได้กล่าวเอาไว้
![](/f/34873/5f913ce8e781d22e3a2cf0d3.jpg)
![](/f/34873/5f913d59e781d22e3a2cf0d5.jpg)
![](/f/34873/5f913e4be781d22e3a2cf0d6.jpg)
แต่บอกเลยว่าวันกลับนี่ก็ highlight ไม่แพ้กัน เพราะหลังจากที่เราขึ้นแบบชันสุดๆมาแล้ว ขาลงมันก็ดิ่งสุดๆไม่แพ้กัน ซึ่งครั้งนี้พวกเราปรับแผนใหม่ เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างอันตราย และจำเป็นต้องเดินรอๆกัน จึงวางแผนตื่นและเริ่มออกเดินแต่เช้า โดยส่งทีมทางหลวงชนบท ให้เป็นผู้นำในการเปิดเส้นทางพร้อมๆกับที่ปรับทางให้เรียบ ทำให้บางช่วงการเอาตูดไถเล่นเป็น Slider มันสนุกมาก จนตูดกางเกงขาดไปตามๆกัน ซึ่งถ้าทีมทางหลวงชนบททำให้กลุ่มที่เดินตามหลังมาลำบาก ก็ต้องขอกราบขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย และขอย้ำอีกครั้งว่าจุดลงจากดอยเลโจ๊ะควรมีเชือกยาวๆในการจับเพื่อเดินลงมาเพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษากับคนนำทางให้ดี เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคนในทริป โดยจะมีจุดที่ควรใช้เชือกทั้งหมด 2จุดด้วยกัน และควรลงทีละคนเพื่อป้องกันเชือกแกว่งและหินจากด้านบนหล่นใส่คนข้างล่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะทางเดินเป็นหินลอยค่อนข้างเยอะ
![](/f/34873/5f9141c2e781d22e3a2cf0d9.jpg)
![](/f/34873/5f914202e781d22e3a2cf0da.jpg)
![](/f/34873/5f91416741d6472e348eb814.jpg)
ซึ่งหลังจากเดินลงชันๆมาประมาณกิโลกว่าๆ ก็จะเริ่มเป็นทางราบที่เดินง่ายขึ้นและเดินยาวๆอีกประมาณ 3โลเพื่อจะไปขึ้นรถ 4WD ที่มารอรับเรากลับไปยังบ้านต้นน้ำ ก็เป็นอันจบทริปไปอย่างสวยงาม พร้อมรอยแผลขีดข่วนให้ระลึกถึงว่าเราได้ผ่านอะไรกันมา
![](/f/34873/5f9140f241d6472e348eb812.jpg)
![](/f/34873/5f91411941d6472e348eb813.jpg)
สรุปภาพรวม 4.4 จาก 5ดาว (ปล. ความเห็นส่วนตัวนะ )
- คะแนนวิวทิวทัศน์ (4/5) สวยนะแต่แบบหาวิวคล้ายๆแบบนี้ที่อื่นได้
- คะแนนเส้นทาง (5/5) ครบรส เดินมัน จนกลับมาอยากปาสตั้ดดอยทิ้ง
- คะแนนที่พัก (4/5) ที่กางเต๊นท์น้อยและห่างไกลแหล่งน้ำ แต่ตื่นมาได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก
![](/f/34873/5f913f1be781d22e3a2cf0d8.jpg)
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้และหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเดินป่าเหมือนๆกัน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า
-------------------------------------------------------------------------------------
: : : B A C K P A C K T I M E : : :
เมื่อหัวใจสะพายเป้ การเดินทางจึงเกิดขึ้น
-------------------------------------------------------------------------------------
Samakida Somkid
วันพฤหัสที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.42 น.