เราเคยไปภูกระดึงมา 3 ครั้งประทับใจทุกครั้งที่ไป แต่เรายังไม่เคยไปช่วงปลายฝนต้นหนาวว่ากันว่าช่วงนี้บนภูกระดึงสวยมากและถ้าโชคดีก็จะเจอทะเลหมอกด้วย เราจึงตัดสินใจขึ้นภูกระดึงอีกครั้ง
สิ่งที่ควรรู้และการเตรียมตัวก่อนไปภูกระดึงในช่วงโควิด
- ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม ไม่น้อยกว่า 14 วัน
- ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม
- ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม
- ฉีดแบบผสม (ซิโนแวค เข็มที่ 1 และ แอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2)
- วัคซีนยี่ห้ออื่นให้เป็นไปตามสาธารณสุขกำหนด
- ผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุด Antigen Test Kit หรือวิธี RT-PCR ภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชม. (3วัน)
- จองคิวเข้าอุทยานผ่านแอป คิว คิว ได้ 700 walk in ได้ 300 คน/ต่อวัน
- ลูกหาบ กิโลละ 30 บาท ไปจองที่อุทยาน (แนะนำไปเช้าๆหน่อยนะ)
ของใช้ส่วนตัวที่ต้องเตรียมช่วงหน้าฝน
-เสื้อผ้าเตรียมให้พอ,เสื้อกันหนาว,เสื้อกันฝน,ร่ม,(ถุงกันทากซื้อระหว่างเดินขึ้นภูได้มีขายตามซำต่างๆ)
-ไฟฉาย,พาวเวอร์แบงค์ (ตามร้านค้ามีที่ไว้ให้ชาร์จแบต)
-ร้องเท้าเดินป่าหรือร้องเท้าผ้าไบ,ร้องเท้าแตะ (แนะนำแบบที่ดอกยางลึกๆหน่อยนะ)
-เต็นท์,ถุงนอน (หากไม่ได้จองกับทางอุทยาน)
-เงิน (อันนี้สำคัญมาก)
การเดินทางจากกรุงเทพไปภูกระดึง (กรณีไม่ได้ไปรถส่วนตัว)
-ซื้อตั๋วออนไลน์,หรือไปซื้อที่หน้าเค้าเตอร์หมอชิต ค่ารถประมาณ 400-600 บาท แจ้งจุดจอด "ผานกเค้า" *แนะนำจองตั๋วรถรอบ 3-4 ทุ่มจะถึงผานกเค้าไม่เช้าจนเกินไป ช่วงวันหยุดยาวควรจองตั๋วรถไว้ล่วงหน้า
-ไปขึ้นรถแดงตรงข้างๆร้านเจ้กิม ค่ารถคนละ 50 บาทนั่ง 6 คน (ไปแชร์คนอื่นได้) เหมา 300 บาท/คน
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
-ค่าตั๋วเข้าอุทยานคนละ 40 บาท,ค่ากางเต็นท์คนละ 30บาท/คน/คืน
-ค่าเช่าเต็นท์อุทยาน 200-300 บาท/คืน (แล้วแต่ขนาดเต็นท์) เครื่องนอนเช่าแยก
-ค่าอาหารบนภูกระดึงตามสั่งเริ่มต้นที่ประมาณ 60 บาท หมูกระทะ 400-500 บาท
**ของทุกอย่างราคาจะสูงกว่าด้านล่างภูประมาณ 1 เท่าตัว แต่ปริมาณได้เยอะและอร่อยทุกร้าน***
***ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ช่วงท้ายจ้า***
เริ่มเดินขึ้นภูกันได้เลยจ้า
เราเดินทางออกจาก กทม. 1 ทุ่ม มาถึง ผานกเค้า ประมาณตี 3 รอเวลาประมาณตี 5 ขึ้นรถแดงมาอุทยาน และซื้อตั๋ว ลงทะเบียนคัดกรองโควิด จ่ายค่าธรรมเนียม,ทำประกันอุบัติเหตุ เรียบร้อยแล้วก็สามารถเดินขึ้นภูกระดึงได้เลยนะ เราลงทะเบียนได้คิวที่ 1 มาแบบ งงๆ ฮ่าๆๆ
เดินขึ้นมาได้สักพักหันหลังกลับไปมองพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นพอดีเลย สวยจัง
วันที่เราขึ้นโชคดีมาก ถึงซำแฮกก็เจอหมอกหนามากเลย
เห็นทะเลหมอกตั้งแต่ซำแฮกเลย
ถ่ายรูปเพลินเลย
แวะไปกินแตงโมสักหน่อย ถึงซำแฮกต้องกินแตงโมนะ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง
ระหว่างทางแต่ละซำก็มีร้านขายของตลอดทาง อาหารตามสั่ง เครื่องดื่ม ขนม ราคาจะสูงขึ้น ตามความสูงนะ
เราเดินขึ้นไปถึงหลังแป ประมาณ 11 โมง ระหว่างทางค่อนข้างเดินยากมันแชะมากเพราะเป็นช่วงหน้าฝน เดินไปวังกวางอีกประมาณ 3 กิโลค่ะ ตอนนั้นคือหมดแรงแล้ว หิวววว
ตอนเย็นระหว่างทางเดินไปผาหมากดู สวยมาก
อากาศเย็นๆต้องหมูกะทะเนอะ ชุดนี้ 400 บาท กิน 2 คนพอดีอิ่ม
ตื่นเช้าไปทะหมอกกันที่ผานกแอ่น วันนี้คนเยอะนะ อากาศก็เย็นๆ
เช้านี้หมอกลงแรงมากกก
วันนี้เราจะไปเดินทางไกลกัน เส้นน้ำตกแล้วไปจบที่ผาหล่มสัก
น้ำตกวังกวางและระหว่างทางเดินไปน้ำตกถ้ำใหญ่ สดชื่นสุดๆ
น้ำตกถ้ำใหญ่ สวยมากๆ มาครั้งก่อนไม่มีน้ำ
เดินกันมาเรื่อยๆ ไปต่อที่น้ำตกสอเหนือค่ะ ไปยืนใกล้ๆคือตัวเปียกหมดนะ
จะมืดแล้วรีบเดินไปผาหล่มสักก่อนนะ ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปก่อน
ถึงแล้วรีบๆไปต่อคิวถ่ายรูปฝนจะมาแล้วจ้า
จบไปอีกหนึ่งวัน ระหว่างทางเดินกลับฝนตกและหมอกลงหนามาก อย่าลืมไฟฉายกันนะ สำคัญมาก!!.
เช้าวันนี้ต้องเดินลงภูกระดึงแล้วเลยแวะมาถ่ายรูปอ่างเก็บน้ำวังกวาง ตรงนี้ก็ถ่ายรูปสวยมากนะ
ก่อนกลับก็อย่าลืมแวะไปบันทึกความทรงจำ ความประทับใจ ที่ร้านขายของฝากด้วยนะ บันทึกไว้ว่าครั้งนึงเราเคยพาร่างกายมาทรมาน เฮ้ย! มาพิชิตภูกระดึง ตอนเดินลงบ่นแถบเป็นแทบตายว่าจะไม่มาอีกแล้ว แต่เมื่อความเจ็บปวดลดลง เราจะคิดถึงเขาอีก ไว้เจอกันอีกนะภูกระดึงธรรมชาติที่ไม่เคยเหมือนเดิมสักครั้งที่มาเยือน
ค่าใช้จ่ายในครั้งนี้
ค่าตั๋วรถทัวร์ไปกลับ ขาละ 633/คน รวม 2532 บาท
ค่ารถแดงขาไป 100 บาท
ค่ารถแดงขากลับ 300 บาท (เราเหมามา)
ค่าเข้าอุทยาน 80+ค่ากางเต็น120+ค่าที่รองนอน 80 รวม 280 บาท
ค่าอาหาร 3 วัน 2 คืน ประมาณ 2500 บาท
รวม 5712 บาท หาร 2 ตกคนละ 2856 บาทนะ
เมื่อความเจ็บปวดลดลง เราจะคิดถึงเขาอีก (ไว้เจอกันอีกนะภูกระดึง)
แค่ทิ้งควาวกลัวไปบ้างก็ใช้ชีวิตสนุกขึ้นนะ
รัก :)
#ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข
ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข
วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 11.18 น.